
อบรม จป หัวหน้างาน
รับส่วนลด 50% โดยไม่ต้องสมัครสมาชิก
หลักสูตรเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ระดับ หัวหน้างาน ตามกฎหมายใหม่ 2565 พร้อมมอบวุฒิบัตรให้ผู้ผ่านการอบรม
ดาวน์โหลดหลักสูตร Course Outline
25,000 บาท : รุ่น
หลักสูตร เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับ หัวหน้างาน ตามกฎหมายใหม่ 2565
มอบวุฒิบัตร
อบรมเสร็จแล้วจะได้รับวุฒิบัติอย่างเป็นทางการสามารถนำไปขึ้นทะเบียนกับกรมสวัสดิการตามกฎหมาย
ลงทะเบียน อบรม จป บุคคลทั่วไป
สมัครอบรมได้แล้ววันนี้
* เนื่องจากมีผู้สมัครอบรมออนไลน์เป็นจำนวนมากทำให้แต่ละรุ่นที่นั่งเต็มอย่างรวดเร็ว ศูนย์ฝึกอบรมขอสงวนสิทธิ์ที่นั่งสำหรับลูกค้าที่ชำระเงิน และ ยืนยันลงทะเบียนในระบบก่อน
** อบรม จป นำยื่นกรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้
หลักสูตร จป หัวหน้างาน 2566 ตามกฎหมายใหม่ล่าสุด
โดยที่ กฎกระทรวงการจัดให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน บุคลากร หน่วยงาน หรือคณะบุคคลเพื่อดำเนินการด้านความปลอดภัยในสถานประกอบกิจการ พ.ศ. ๒๕๖๕ ข้อ ๔๓ กำหนดให้นายจ้างหรือผู้ให้บริการด้านการฝึกอบรมดำเนินการฝึกอบรมเพื่อให้ลูกจ้างมีคุณสมบัติ เป็นเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับหัวหน้างานและระดับบริหาร ทั้งนี้ หลักสูตร การฝึกอบรม คุณสมบัติของวิทยากร และการดำเนินการฝึกอบรมของนายจ้างหรือผู้ให้บริการ ด้านการฝึกอบรมให้เป็นไปตามที่อธิบดีประกาศกำหนด
อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔๓ วรรคสอง แห่งกฎกระทรวงการจัดให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย ในการทำงาน บุคลากร หน่วยงาน หรือคณะบุคคลเพื่อดำเนินการด้านความปลอดภัยในสถานประกอบกิจการ พ.ศ. ๒๕๖๕ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
หมวด ๑ หลักสูตรการฝึกอบรม
ข้อ ๒ หลักสูตร เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับหัวหน้างาน ระยะเวลา การฝึกอบรมสิบสองชั่วโมง ประกอบด้วย ๔ หมวดวิชา ดังต่อไปนี้
(๑) หมวดวิชาที่ ๑ ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อม ในการทำงาน และบทบาทหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับหัวหน้างาน ระยะเวลา การฝึกอบรมสามชั่วโมง ประกอบด้วยหัวข้อวิชา
(ก) ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน
(ข) บทบาทหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับหัวหน้างาน
(๒) หมวดวิชาที่ ๒ กฎหมายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อม ในการทำงาน ระยะเวลาการฝึกอบรมสามชั่วโมง ประกอบด้วยหัวข้อวิชา
(ก) การบริหารกฎหมายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ของกระทรวงแรงงาน
(ข) สาระสำคัญของกฎหมายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อม ในการทำงาน และการนำกฎหมายไปสู่การปฏิบัติ
(๓) หมวดวิชาที่ ๓ การค้นหาอันตรายจากการทำงานและการจัดทำคู่มือว่าด้วย ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ระยะเวลาการฝึกอบรมสามชั่วโมง ประกอบด้วยหัวข้อวิชา
(ก) การตรวจความปลอดภัย
(ข) การวิเคราะห์งานเพื่อความปลอดภัย
(ค) การสอบสวน การวิเคราะห์ และการรายงานอุบัติเหตุ
(ง) การจัดทำคู่มือว่าด้วยความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ของหน่วยงาน
(๔) หมวดวิชาที่ ๔ การป้องกันและควบคุมอันตรายจากการทำงาน ระยะเวลาการฝึกอบรม สามชั่วโมง ประกอบด้วยหัวข้อวิชา
(ก) การป้องกันและควบคุมอันตรายจากเครื่องจักร
(ข) การป้องกันและควบคุมอันตรายจากไฟฟ้า
(ค) การป้องกันและควบคุมอันตรายจากการเคลื่อนย้ายและการจัดเก็บวัสดุ
(ง) การป้องกันและระงับอัคคีภัยในสถานประกอบกิจการ
(จ) การป้องกันและควบคุมอันตรายจากสภาพแวดล้อมในการทำงาน
(ฉ) การป้องกันและควบคุมอันตรายจากสารเคมี
(ช) การป้องกันและควบคุมปัญหาด้านการยศาสตร์
(ซ) การป้องกันและควบคุมอันตรายในงานก่อสร้าง
(ฌ) อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล

หลักสูตร
อบรม จป หัวหน้างาน
กฎกระทรวง การจัดให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน บุคลากร หน่วยงาน หรือคณะบุคคลเพื่อดำเนินการด้านความปลอดภัยในสถานประกอบกิจการ พ.ศ.2565
หัวข้อที่มีประโยชน์
บัญชีท้ายกฎกระทรวงการจัดให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน บุคลากร หน่วยงาน หรือคณะบุคคลเพื่อดำเนินการด้านความปลอดภัยในสถานประกอบกิจการ พ.ศ. 2565
บัญชี 1
- อุตสาหกรรมเกี่ยวกับการทำเหมืองตามกฎหมายว่าด้วยแร่
- อุตสาหกรรมเกี่ยวกับกิจการปิโตรเลียมตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม
- อุตสาหกรรมเกี่ยวกับปิโตรเคมี
- อุตสาหกรรมเกี่ยวกับการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม
- อุตสาหกรรมเกี่ยวกับการแยกก๊าซธรรมชาติ
บัญชี 2
- อุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์
- อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหาร
- อุตสาหกรรมเครื่องดื่ม
- อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์จากยาสูบ
- อุตสาหกรรมสิ่งทอ
- อุตสาหกรรมเสื้อผ้าหรือเครื่องแต่งกาย
- อุตสาหกรรมเครื่องหนัง
- อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์จากไม้
- อุตสาหกรรมกระดาษหรือผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากกระดาษ
- อุตสาหกรรมการผลิตสารเคมีหรือเคมีภัณฑ์
- อุตสาหกรรมเภสัชภัณฑ์หรือเวชภัณฑ์ทางการแพทย์
- อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยาง
- อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติก
- อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ที่ทำจากแร่อโลหะ
- อุตสาหกรรมโลหะหรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากโลหะ
- อุตสาหกรรมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
- อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้า
- อุตสาหกรรมเครื่องจักรหรือเครื่องมือกล
- อุตสาหกรรมยานพาหนะ ชิ้นส่วนยานพาหนะ หรืออุปกรณ์เสริมสำหรับยานพาหนะ
- อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์
- อุตสาหกรรมเครื่องประดับ
- อุตสาหกรรมเครื่องดนตรี
- อุตสาหกรรมอุปกรณ์กีฬาออกกำลังกาย
- อุตสาหกรรมของเล่น
- อุตสาหกรรมเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์
- อุตสาหกรรมการผลิต การจัดส่ง หรือการจ่ายไฟฟ้า
- อุตสาหกรรมการผลิตหรือการบรรจุก๊าซ
- อุตสาหกรรมการผลิตถ่านโค้ก
- อุตสาหกรรมการผลิต การเก็บ หรือการจำหน่ายไอน้ำ
- อุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์หรือการเพาะปลูก
- สถานีบริการตามกฎหมายว่าด้วยการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง
- คลังน้ำมันเชื้อเพลิงตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง
- การให้บริการบำบัดน้ำเสียหรือกำจัดของเสียตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
- อุตสาหกรรมการนำวัสดุที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่
- อุตสาหกรรมการแต่งแร่ การขุดแร่รายย่อย หรือการร่อนแร่ตามกฎหมายว่าด้วยแร่
- การก่อสร้าง การดัดแปลง การซ่อมแซม หรือการรื้อถอนอาคารตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร
- อุตสาหกรรมการขนส่ง
- การบริการการเดินอากาศตามกฎหมายว่าด้วยการเดินอากาศ
- กิจการคลังสินค้า กิจการไซโล หรือกิจการห้องเย็นตามกฎหมายว่าด้วยคลังสินค้า ไซโล และห้องเย็น
- กิจการโทรคมนาคมตามกฎหมายว่าด้วยองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม
- การติดตั้ง การซ่อม หรือการซ่อมบำรุงเครื่องจักร
- โรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม
- กิจการนิติบุคคลอาคารชุดตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด
- ห้างสรรพสินค้า ธุรกิจค้าปลีก หรือธุรกิจค้าส่ง
- ศูนย์การจัดประชุมและการแสดงสินค้า
- โรงพยาบาล
- การทดสอบและวิเคราะห์การปฏิบัติการทางกายภาพ เคมี ชีวภาพ หรือวิศวกรรม
- การขายและการบำรุงรักษายานยนต์หรือการซ่อมยานยนต์
- สวนสัตว์หรือสวนสนุก
บัญชี 3
- ธุรกิจสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน
- ธุรกิจหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
- สหกรณ์ตามกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์
- การประกันชีวิตตามกฎหมายว่าด้วยการประกันชีวิตหรือการประกันวินาศภัยตามกฎหมายว่าด้วยการประกันวินาศภัย
- โรงรับจำนำตามกฎหมายว่าด้วยโรงรับจำนำ
- โรงถ่ายทำภาพยนต์หรือละคร
- สวนพฤกษศาสตร์
- สนามกีฬาหรือการนันทนาการ
- สถานที่มีอาหาร สุรา หรือเครื่องดื่มอย่างอื่นจำหน่าย โดยจัดให้มีการแสดงดนตรีหรือการแสดงอื่นใดเพื่อการบันเทิง
- สำนักงานบริหารของสถานประกอบกิจการตามบัญชี 1 และบัญชี 2
จป หัวหน้างาน มีหน้าที่ดังต่อไปนี้
- กำกับดูแลลูกจ้างในหน่วยงานที่รับผิดชอบให้ปฏิบัติตามคู่มือว่าด้วยความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานของสถานประกอบกิจการ
- วิเคราะห์งานในหน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อค้นหาความเสี่ยงหรืออันตรายเบื้องต้น จากการทำงานโดยอาจร่วมดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับเทคนิค ระดับเทคนิคขั้นสูงหรือระดับวิชาชีพ
- จัดทำคู่มือว่าด้วยความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานของหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยร่วมดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับเทคนิค ระดับเทคนิคขั้นสูงหรือระดับวิชาชีพ เพื่อเสนอคณะกรรมการความปลอดภัยหรือนายจ้าง แล้วแต่กรณีและทบทวนคู่มือดังกล่าวตามที่นายจ้างกำหนด โดยนายจ้างต้องกำหนดให้มีการทบทวนอย่างน้อยทุกหกเดือน
- สอนวิธีการปฏิบัติงานที่ถูกต้องแก่ลูกจ้างในหน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการทำงาน
- ตรวจสอบสภาพการทำงานของเครื่องจักรเครื่องมือและอุปกรณ์ให้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัยก่อนลงมือปฏิบัติงานประจำวัน
- กำกับดูแลการใช้อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลของลูกจ้างในหน่วยงานที่รับผิดชอบ
- รายงานการประสบอันตราย การเจ็บป่วยหรือการเกิดเหตุเดือดร้อนรำคาญอันเนื่องจาก การทำงานของลูกจ้างต่อนายจ้างและแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับเทคนิค ระดับเทคนิคขั้นสูงหรือระดับวิชาชีพ สำหรับสถานประกอบกิจการที่มีหน่วยงานความปลอดภัยให้แจ้งต่อหน่วยงานความปลอดภัยทันทีที่เกิดเหตุ
- ตรวจสอบหาสาเหตุการประสบอันตราย การเจ็บป่วยหรือการเกิดเหตุเดือดร้อนรำคาญ อันเนื่องจากการทำงานของลูกจ้างร่วมกับเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับเทคนิค ระดับเทคนิคขั้นสูงหรือระดับวิชาชีพและรายงานผลการตรวจสอบ รวมทั้งเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อนายจ้าง เพื่อป้องกันการเกิดเหตุโดยไม่ชักช้า
- ส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมความปลอดภัยในการทำงาน
- ปฏิบัติงานด้านความปลอดภัยในการทำงานอื่นตามที่นายจ้างหรือเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับบริหารมอบหมาย
เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับหัวหน้างาน
- เป็นลูกจ้างระดับหัวหน้างานของหน่วยงาน
- ได้รับการยินยอมจากนายจ้างให้เข้ารับการอบรม
- มีหนังสือแต่งตั้ง หรือ หนังสือรับรองตำแหน่ง หัวหน้างาน
เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับบริหาร
- เป็นลูกจ้างระดับบริหารของหน่วยงาน
- ได้รับการยินยอมจากนายจ้างให้เข้ารับการอบรม
- มีหนังสือแต่งตั้ง หรือ หนังสือรับรองตำแหน่ง หัวหน้างาน
เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับเทคนิค
- สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรีสาขาอาชีวอนามัย หรือเทียบเท่า
- เป็นเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทํางานระดับหัวหน้างานและผ่านการฝึกอบรมตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่อธิบดีประกาศกําหนด
- เป็น หรือ เคยเป็นเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทํางานระดับพื้นฐานตามประกาศกระทรวงแรงงาน และสวัสดิการสังคม เรื่อง ความปลอดภัยในการทํางานของลูกจ้าง พ.ศ. 2540
คณะกรรมการความปลอดภัยในการทำงาน
- เป็นคณะกรรมการความปลอดภัยในการทำงานของหน่วยงาน
- ได้รับการยินยอมจากนายจ้างให้เข้ารับการอบรม
จป.หัวหน้างาน ในยุคปัจจุบันนั้น มีความแตกต่างกับสมัยก่อนมาก เนื่องจากมีเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามา ช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานมากมาย เช่น สมัยก่อน จป.หัวหน้างาน หากจะทำการสื่อสารหรือรายงานจะต้องรอให้มีการประชุมความปลอดภัยในแต่ละเดือนจึงจะสามารถนำข้อมูลที่มีอยู่มาแจ้งให้ที่ประชุมทราบ แต่ปัจจุบัน สามารถส่งข้อความทางไลน์ได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องรอ และที่ดีไปกว่านั้นยังสามารถส่งรูปภาพต่างๆ วีดีโอ ให้เห็นภาพกันแบบเรียลไทม์กันเลยทีเดียว นี่คือสิ่งที่ จป.ทุกระดับ จะต้องทำการปรับตัวเพื่อให้ทันต่อเทคโนโลยีที่ทันสมัย ไม่เช่นนั้นจะทำงานร่วมกับลูกน้องรุ่นใหม่ๆได้ลำบากมากขึ้น
คำว่าเทคนิคนั้นแปลว่าวิธีการกลวิธีเฉพาะซึ่งแต่ละคนย่อมมีเทคนิคในการทำงานที่แตกต่างกันออกไปเทคนิคการเป็นจป.หัวหน้างานก็เช่นกันในการทำงานด้านความปลอดภัยต้องมีเทคนิคอยู่ที่ว่าใครจะมีเทคนิคอย่างไรเพื่อให้การทำงานประสบความสำเร็จซึ่งในสังคมยุคปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยสามารถสืบค้นข้อมูลที่อยากรู้ได้ทันทีซึ่งเราสามารถนำความทันสมัยนี้มาปรับใช้กับงานด้านความปลอดภัยได้เช่นกัน
อบรม จป หัวหน้างาน สอนการนำเทคโนโลยีต่างๆมาประยุกต์ใช้ในด้านความปลอดภัย
ในสังคมยุคปัจจุบัน คงไม่มีอาชีพไหน ที่ไม่ใช้เทคโนโลยีในการทำงาน เพราะเทคโนโลยีนั้นเอื้ออำนวยทำให้สามารถทำงานได้ง่ายขึ้น รวดเร็ว และทันต่อสถานการณ์ งานความปลอดภัยเองก็เช่นกัน หากเราเป็น จป.หัวหน้างานที่ล้าหลัง ไม่ทันเหตุการณ์ ก็อาจทำให้อะไรๆ มันสายเกินแก้ได้ ซึ่งเราสามารถนำเทคโนโลยีมาใช้ในงานด้านความปลอดภัยต่างๆ มากมาย เช่น
- รายงานการกระทำหรือสภาพการณ์ที่ไม่ปลอดภัย ได้ทันที ซึ่งหาก จป.หัวหน้างาน พบการกระทำหรือสภาพการณ์ที่ไม่ปลอดภัย แล้วถ่ายรูปหรือ VDO แจ้งให้ จป.บริหาร ทราบ เพื่อจะได้ตัดสินใจในการแก้ไขได้ทันที หรือใช้อำนาจในการสั่งหยุดงาน จนกว่าจะได้รับการแก้ไข ก็สามารถป้องกันการเกิดอุบัติเหตุได้
- สืบค้นหาข้อมูล เกี่ยวกับมาตรฐานเครื่องจักรที่มีลักษณะเหมือนหรือคล้ายกัน กับหน้างานของเรา ซึ่งหาก จป.หัวหน้างานพิจารณาลักษณะการทำงานของพนักงานแล้ว พบว่าเครื่องจักรอยู่ในสภาพที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ ก็สามารถสืบค้นหามาตรฐานเครื่องจักรที่ปลอดภัย ว่าต้องเป็นอย่างไร แล้วนำมาแก้ไขเครื่องจักรในหน่วยงานของตนเองให้มีความปลอดภัยได้เช่นกัน
- ศึกษาวิธีการการสอบสวนอุบัติเหตุ โดยสืบค้นดูว่า แต่ละสถานประกอบกิจการใช้วิธีอะไรในการสอบสวนอุบัติเหตุเบื้องต้น เพราะการสอบสวนอุบัติเหตุเบื้องต้น เป็นหน้าที่ของ จป.หัวหน้างาน เพื่อเอามาปรับใช้ให้ทราบถึงสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดอุบัติเหตุ
- การนำเสนอในที่ประชุม ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากเช่นกัน เพราะหาก จป.หัวหน้างานเอง ต้องการนำเสนอ ให้จป.บริหาร ทราบ โดยมีการถ่าย VDO เพื่อให้เห็นภาพหน้างานอย่างชัดเจน ย่อมทำให้การพิจารณาตัดสินใจเป็นไปได้ง่ายกว่าการที่มีแต่รูป เพราะทำให้เห็นถึงการเคลื่อนไหว และหน้างานที่เหมือนจริง ส่งผลให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างรวดเร็ว
- การส่งรายงาน สามารถส่งเป็นไฟล์ได้ทันที ไม่จำเป็นต้องรอเจอตัวเป็นๆ ถึงจะยื่นเอกสารให้ ทำให้มีความรวดเร็วในการทำงานมากขึ้น
- และยังสามารถอัพเดทรายการกฎหมายใหม่ๆ ด้านความปลอดภัยได้อีกด้วย
ข้อดีของเทคโนโลยีมีมากมายนั้นเราต้องเอามาใช้ให้เกิดประโยชน์ ห้ามเอาไปใช้ในทางที่ผิด ซึ่งที่กล่าวมาเป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น ยังมีอีกมากมายอยู่ที่ว่า ใครจะนำไปใช้ทำอะไรบ้าง ซึ่ง จป.หัวหน้างาน ถือเป็นบุคคลที่ใกล้ชิดพนักงาน และอยู่หน้างานมากที่สุด จึงถือว่าเป็นผู้ที่มีความสำคัญมากต่อระบบความปลอดภัย ยิ่ง จป.หัวหน้างาน รายงานสิ่งผิดปกติได้รวดเร็วและแม่นยำเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เกิดความปลอดภัยต่อพนักงานมากเท่านั้น